วันศุกร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2555

55-4-26 บันทึกย่อพ่อเทศน์/ สงคราม สังคมฯ


ตอน.. “ออกป่าที่ไม่ใช่การปฏิบัติธรรม”

บันทึกย่อพ่อเทศน์ สงครามฯ FMTV สันติฯ
พฤ. ๒๖ เม.ย. ๒๕๕๕ ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะโรง เริ่ม 18:05 น.

คลิปรายการสงครามสังคมฯ 26 เมษายน 2555 
โดยพ่อครู สมณะโพธิรักษ์ ถ่ายทอดสดจาก fmtv กรุงเทพฯ

1. พ่อท่านอ่าน SMS ที่มี ๓๓๗๗ สอนพ่อท่านว่า "คนมีธรรมะจะต้องมีเมตตา ทั้งคนดี-คนไม่ดี ต้องไม่ว่ากล่าวผู้อื่น ไม่เกลียดคนนั้นคนนี้ แม้แต่โจร คนทำร้าย แม้งูเห่ากัดก็ไม่เกลียด" พ่อท.ตอบว่า อาตมาก็มีความเป็นเช่นนั้น แต่คุณเองควรเข้าใจให้ครบๆ เถอะ แม้พระพุทธเจ้าก็เมตตาไม่เกลียดใครๆ แต่พระองค์ก็ย่อมว่ากล่าวคนที่ผิด พ่อท่านเคยถูกจัดการด้วยองค์กรใหญ่ แต่ใจก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดชังเขาเลย การกล่าวร้ายด้วยคำตำหนิติเตียนว่าอย่างนี้ไม่ควรทำนั้น ไม่ใช่เป็นการกล่าวร้าย ให้ร้าย แต่เป็นการบอกสอนความจริงให้รู้ตัวว่า สิ่งนั้นผิด ไม่ดี ไม่ควร อาตมาจึงต้องสื่อสอนให้มีลีลาดูขึงขังจริงจัง คุณก็เลยเข้าใจว่า อาการอย่างนี้คือสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมะ แต่พ่อท่านว่า อาตมาก็ดีอย่างที่คุณว่ามานั่นแหละ แต่คุณไม่ศรัทธาเชื่อถือเท่านั้นเอง

2. สัจจะแท้เป็นโลกุตระจริงๆ นั้น แต่บรรดาครูบาอาจารย์ทั้งหลายพ่อครู เชื่อว่ายังเข้าไม่ถึง ไม่รู้จักทางแยก หรือจุดแบ่งตรงที่ มโนปวิจาร ๑๘ อ่านเวทนาในเวทนาไม่เป็น พ่อท่านบอกความจริงใจต่อความรู้รับผิดชอบในศาสนาด้วยภาวะแห่งการเป็นพระโพธิสัตว์ ที่ไม่ได้เอาชีวิตมาทุ่มเททำเล่นๆ ... หากคุณเชื่อถือคราวหน้าก็คงจะไม่ส่ง sms มาส่อบอกอาการแย้งๆ กันอย่างนี้อีกหรอก พ่อครูตีงูให้กาตัวอื่นกิน


3. ในหลวงทรงอยู่ในฐานะชั้นสูง ที่ไม่ตำหนิใครๆ แต่พ่อครูมีฐานะที่พอจะตำหนิใครๆ ให้เป็นประโยชน์ได้ ... เรื่องของป่ากับศาสนาพุทธ คนไทยมีคอนเซ็ปต์พุทธเชื่อถือว่า พระปฏิบัติจะต้องออกป่า พ่อท่านพยายามแก้ความเห็นผิดของชาวพุทธทั้งประเทศ ซึ่งเห็นผิดศรัทธาผิดถือผิดกันมานาน จึงเอาหลักฐานมายันว่า การเข้าไปอยู่ป่ามีเหตุ ๕ คือ ๑.โง่งมงาย ๒.ปรารถนาลามก ๓.บ้า ๔.หลงผิดคิดว่าพระพุทธเจ้าสรรเสริญ ส่วนข้อ๕ นั้นไปอยู่แล้วดี คือ ต้องเป็นผู้มีสมาธิแล้วเท่านั้น จึงจะไม่จมและไม่ลอย และความเข้าใจเรื่องสมาธิของชาวพุทธไทยเรานี้ก็ยังเพี้ยน ไปเอาวิธีการแบบฤาษี อธิบายแบบฤาษี

4. พ่อท่านอ่านหลักฐานที่พระพุทธเจ้าตรัส ถึง ความเสื่อม ๔ อย่างของผู้แสวงหาวิชชาและจรณะ โดยการออกไปแสวงหาอยู่ป่า (ใน อัมพัฏฐสูตร ล.๙ ข.๑๖๓) ตัวอย่าง ข้อ [๑๖๖] ๔. ดูกรอัมพัฏฐะ อีกข้อหนึ่ง สมณพราหมณ์บางคนในโลกนี้ เมื่อไม่บรรลุวิชชาสมบัติและจรณสมบัติอันเป็นคุณยอดเยี่ยม ไม่สามารถจะหาผลไม้ที่หล่นบริโภคได้ ไม่สามารถจะหาเหง้าไม้รากไม้และผลไม้บริโภคได้ และไม่สามารถจะบำเรอไฟได้ จึงสร้างเรือนมีประตูสี่ด้านไว้ที่หนทางใหญ่สี่แพร่ง แล้วสำนักอยู่ด้วยตั้งใจว่าผู้ใดที่มาจากทิศทั้ง ๔ นี้ จะเป็นสมณะหรือพราหมณ์ก็ตาม เราจักบูชาท่านผู้นั้นตามสติกำลัง สมณพราหมณ์นั้นต้องเป็นคนบำเรอ ท่านที่ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะโดยแท้ นี้เป็นทางเสื่อมข้อที่สี่.

5. และอีกพระสูตร คือ ล.๓๒ ข.๓๙๒ ที่พระองค์เคยเกิดเป็นโชติปาละ ไปตำหนิพระกัสปะพุทธเจ้า ชาตินี้จึงได้ชดใช้วิบากไปทรมานพระองค์ในป่า ๖ ปี นั่นไม่ถือว่าเป็นการปฏิบัติธรรมอะไรเลย (อย่าไปหลงว่าการปฏิบัติธรรมต้องออกไปอยู่ป่า) หรือแม้แต่หลักฐานในการทำอานาปานสติ ที่ว่าเข้าสู่โคนไม้ก็ดี เข้าป่าก็ดี คำว่าก็ดีนั้นเป็นแค่ทางเลือก ไม่ใช่ทางใหญ่อันเป็นเอกเลย ...

6. พ่อท่านอ่านถึงหน้า ๑๘ จะเข้าอธิบายเรื่อง วิเวก ๓ อย่าไปหลงว่าความสงัดคือ สิ่งที่ไม่อึกทึกคึกโครมโดยเกิดจากป่า หรือเกิดจากสถานที่ ซึ่งไม่ใช่ความวิเวกที่พระพุทธเจ้าทรงหมายถึงจิตใจ ปวิเวกที่แยกไปอยู่ผู้เดียวนั้นมันได้แค่ความหมายโลกีย์ แบบชาวเทวนิยมเท่านั้น วิเวกนั้นเป็นโลกุตระ แต่ถ้าจะอนุโลมเอากับบริบทการออกไปอยู่ป่านั้น เป็นการไปพิสูจน์เรื่อง กายวิเวก คือ องค์ประชุมของกายกรรมจะไม่ทำการทุจริต อีกแล้ว มีสุจริต ๓ ก็ถือว่ามีกายวิเวก มีจิตวิเวก คือ แม้มโนกรรมก็ย่อมรู้จักคิด รู้จักดำริทำงานกันอย่างเก่ง อย่างคล่อง แต่มโนนั้นไม่มีทุจริตอีกแล้ว

7. เขามักจะแปล สงัด ว่าความเงียบที่ไม่มีเสียง ตรงข้ามกับดัง พ่อท่านหยุดพักครึ่งแรก เมื่อ ๑ ช.ม. ๙ นาที

ช่วงตอบประเด็น

ช่วงตอบประเด็น คนใกล้ตายมีจิตกระหวัด จิตระลึกย้อนต่างๆ นานา พ่อท่านสอนให้มาศึกษาและปฏิบัติธรรม จิตจะได้ละวางความติดยึดจนมีความสงบ จิตสงบแล้วการใช้พลังงานจะลดลง ... คุณ๑๐๗๒ว่า การชดใช้กรรม สามารถหมดในชาตินี้ไหม (ไม่หรอก แม้พพจ.ก็ยังมีวิบากกรรมเก่ามาเล่นงาน พระอรหันต์หยุดกรรมได้นั้นหมายถึง หยุดทำกรรมบาปในปัจจุบันได้แล้ว แต่ยังเหลือกรรมบาปในอดีตที่ไม่สามารถไปหยุดกรรมได้ แม้ท่านมีวิบากทุกข์ก็มีแต่ทุกข์ร้อนทางกายเท่านั้น แต่จิตท่านไม่ทุกข์ด้วยราคะโทสะโมหะอีกแล้ว อย่าไปคิดแก้กรรม ตัดกรรม สแกนกรรม มันอุตริกันทั้งนั้น

ปัญญาปรมัตถ์คือความรู้ที่รู้วิชชา ไม่ใช่รู้เรื่องโลกๆ ที่รู้การทำมาหากิน รู้มากรู้เยอะ ฉลาดเอาเปรียบคนอื่นอยู่ พระอรหันต์จบสิ้นไม่ติดยึดในสมมุติสัจจะแล้ว แต่ก็ย่อมย้อนกลับมาเป็นอยู่กับสมมุติสัจจะ

พ่อท่านบวชทำงานมากำลังย่างเข้าสู่ทศวรรษที่ ๕ ... หลายคนอยากออกไปชุมนุมแล้ว สุกงอมหรือยัง (พ่อครูว่าหากใครเห็นว่าสุกงอมแล้วก็จะออกมา อึดอัดกันก็ออกมาประท้วง การประท้วงนี่แหละคือ การแสดงออกโดยการเอาตัวเองมาลงคะแนนเสียงเป็นประชาธิปไตย ว่า ไม่เห็นด้วยในเรื่องอะไร มันเป็นการลงคะแนนเสียงที่ยิ่งใหญ่กว่าการไปลงคะแนนเลือกตั้ง การเมืองขณะนี้มันควรประท้วงไหม วันนี้ก็ไปลงคะแนนเสียงคัดค้านกันที่ ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ และ ปปช. ยื่นฟ้อง ส.ส. สว. ครม. ที่อนุมัติให้แก้รธน. เมื่อใดรวมกันประท้วงเมื่อไร เมื่อนั้นเป็นประชาธิปไตยทันที เมืองไทยมีการชุมนุมประท้วงที่ชนะสถิติโลก ยาวนานถึง ๑๙๓ วัน

การเมืองไทยมีแค่สองขั้ว ขั้วหนึ่งเอาทักษิณ อีกขั้วก็ไม่เอาทักษิณ จงเปิดจิตรวมตัวกันให้ติด อย่าติดยึดอัตตาว่าฉันต้องได้เป็นหัว หน้า ต้องเป็นเจ้าความคิดเลย ... ปัญหาต่างๆ นานา มันน่าออกไปประท้วง ข้าวจานละเกือบ ๕๐ แล้ว ไข่ใบละ ๑๐ บาท มันขึ้นพรวดๆ มากเกินไปแล้ว ก็เตรียมตัวไว้

พวกเราชาวอโศก ๑.ไม่เป็นหนี้มีดอกเบี้ย ๒.พึ่งตนเองรอด ๓.สร้างให้มากพอ เหลือแล้วนำไปแจกจ่ายโดยวิธีการลำดับต่างๆ ถ้ามาปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าด้วยสัมมาทิฐิแล้ว จะได้มรรคผลกันแบบนี้ มีพฤติพุทธกันแบบนี้ ชาวอโศกจึงไม่เดือดร้อนในการทำมาหากิน และไม่ใจดำ ไม่ปล่อยวาง ไม่ดูดายต่อสังคม คนที่ร่ำรวยกว่าชาวอโศก มีเงินก้อนนับพันล้านใช้เฉพาะในครอบครัวของเขาเอง แต่ชาวอโศกไม่ได้มีเงินสดร้อยล้านอย่างนั้น แต่เรามีความขยัน มีสมรรถนะเป็นความรวย และมีแก่ใจที่จะทำงานเสียสละให้กับสังคม

พล.ร.ต.มินทร์ บอกกวีเพลง (เมืองใดไร้ธรรมอำไพ เมืองนั้นบรรลัยแน่เลย) พ่อท่านไขว่า ที่จริงแล้วเป็นของคุณถนอม ที่ใช้นามปากกาว่า ศิราณี และอัศวรักษ์ ซึ่งใช้นามปากกาคล้ายๆ นามของ ร.๖ (อัศวพาหุ) คนจึงมักเข้าใจผิดว่า เพลงนี้ในหลวง ร.๖ ทรงประพันธ์

จากอีเมลถามว่า พระโพธิสัตว์ก่อนจะตรัสรู้เป็นพพจ. จะต้องใช้สมาธิใต้ต้นไม้ทุกพระองค์ไหมครับ (อันนี้จริง จะต้องใช้พลังสมาธิเพื่อตั้งมั่น ย้อนระลึกชาติ ตรวจดูคุณธรรมในการสั่งสมบารมีความเป็นพระพุทธเจ้าของพระองค์มาก่อน ว่า ครบถ้วนหมดแล้วหรือยัง แล้วในชาติปัจจุบันมีปัจจัยต่างๆ สมควรเพียงพอที่จะประกาศพุทธศาสนาได้แล้วหรือยัง ซึ่งหลักธรรมในยุคนั้น เช่น โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ยังไม่เคยมีปรากฎในแผ่นดินเลย ฯลฯ ) ... /สู่แดนธรรม นาวาฯ บันทึก


ไม่มีความคิดเห็น: