ตอน.. "ผ่าตัดโอปปาติกะสัตว์ ๒"
บันทึกย่อพ่อครูเทศน์ในงานปลุกเ สก ครั้งที่ ๓๖ ณ บ้านราชฯ
อัง. ๓ เม.ย. ๒๕๕๕ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะโรง เริ่มเวลา 04:02 น.
บันทึกย่อโดย ใจแปลง สู่แดนธรรม
ที่มา : http://www.facebook.com/groups/188545584512043/permalink/378240412209225/
1. วานนี้พ่อท่านอ่านถึงข้อ ๒๕๗ สัมมาทิฏฐิที่ยังเป็นสาสวะ จะเขียนเก็บไปเรื่อยๆ คงจะตั้งชื่อหนังสือเล่มใหม่ ขอมติจากผู้ฟังจนได้ชื่อใหม่ว่า “ฉีกหน้าความเป็นสัตว์ของมนุษย์ ”
2. พ่อท่านว่าสอนธรรมะมา ๔๐ ปีแล้ว ก็จะเน้นสอนธรรมขั้นปรมัตถ์ จิต เจตสิก รูป นิพพาน ฟังด้วยดีปัญญาเกิด (สุตสูสัง ลภเต ปัญญัง) ในวิญญาณขันธ์ประกอบไปด้วย รูป (อุปาทายรูป เป็นรูปภายใน รูปจิต อรูปจิต) เวทนา สัญญา สังขาร เกิดการสัมผัสภายนอกจึงจะเกิดเว ทนา สังขาร ลงไปสู่วิญญาณ โดยมีอายตนะเชื่อมต่อระหว่างผัส สะกับวิญญาณ เราต้องสร้างญาณรู้อาการของนามธ รรมในจิต
3. พระอรหันต์หมดความลึกลับในเรื่อ งจิตวิญญาณ ไม่ยึดอะตอมของจิตอีกแล้ว ท่านรู้การจับตัวรวมตัวอยู่ได้ข องอะตอมเพราะมันอาศัยเหตุปัจจัย อยู่ เมื่อไม่มีเหตุปัจจัย หรือระงับไม่ให้เกิดต่อเนื่อง ตัดเหตุปัจจัย ก็ไม่เกิด(ชาติ)ของวิญญาณ แต่ท่านก็สามารถทำให้จิตดำเนินค วามต่อเนื่องไปได้อีก ดับเหตุอกุศลไม่ให้พาเกิด มันก็ไม่เกิดขึ้นมาในการดำเนินค วามต่อเนื่องนั้นได้ คุณก็พิสูจน์ไปตั้งแต่การระงับเ บื้องต้นคือโลกอบาย ไม่ให้มันมาหมุนร่วมกับอะตอมจิต หลักสำคัญในการปฏิบัติธรรมะของพ ระพุทธเจ้า คือ มรรคองค์๘ เริ่มต้นคือ ทิฐิ ความเห็น ความเข้าใจที่จะชำแรก เข้าสู่มรรคอื่นๆ มีสัญญากำหนดรู้จิตไปตามทิฐิที่ ชำแรกกิเลสได้ มีทิฐิไปสู่วิชชารู้สัมผัสจิตอะ ตอมได้ เช่น จิตกำลังโกรธ อ่านอาการโกรธออก อ่านอาการสุข อาการอิฏฐารมณ์ อนิฏฐารมณ์ อาการเหล่านี้เกิดอยู่เป็นปกติท ั่วไปของชีวะ (หรือสัตว์ทั้งหลาย) รู้ได้เช่นนี้ จึงรู้วิปัสสนา เป็นปัญญาไปสู่วิชชา ที่รู้จักเวทนา รู้การปรุงแต่งสังขาร ที่ทำให้เกิดสุข เกิดทุกข์ในจิต พระอรหั.ท่านจึงรู้จักการละเหตุ ปัจจัย ที่จะดับเหตุทุกข์
4. เมื่อกำจัดเหตุจนดับได้แล้ว คราวนี้มันจะปรุงแต่งกันต่อไปอย ่างไร ท่านก็ไม่สุขไม่ทุกข์อีกแล้ว ไม่มีอทุกขมสุขเพราะกิเลสอีกแล้ ว พ่อท.สอนโอปปาติกะหรือจิตของพระ อนาคามี ไม่มีวิญญาณ ๕ ที่เกิดจากตา หู จมูก ลิ้น กาย ให้เป็นสัตว์กามภพอีกแล้ว ช่วงนี้พ่อท่านคุยกับเทวดาจนรู้ ความสำคัญว่า ต่อแต่นี้ไปจะต้องสอนเปิดเผยเรื ่องวิญญาณให้รู้อย่างสัมมาทิฐิ อย่าให้เข้าใจผิดแบบพระสาติภิกษ ุ ที่ไปเข้าใจวิญญาณแบบเทวนิยมว่า วิญญาณล่องลอยไป ท่องเที่ยวไป
5. แต่วิญญาณที่พระพุทธเจ้าทรงสอนใ ห้ศึกษาพัฒนาได้นั้น คือ วิญญาณที่เกิดขึ้นจากเหตุปัจจัย วิญญาณอาศัยอะไรพาเกิด ก็ถึงความนับเนื่องได้ว่า วิญญาณเกิดจากสิ่งนั้น (ล.๑๒/ ๔๔๓ ดูกรภิกษุทั้งหลาย วิญญาณอาศัยปัจจัยใดๆ เกิดขึ้นก็ถึงความนับด้วยปัจจัยนั้นๆ วิญญาณอาศัยจักษุและรูปทั้งหลาย เกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า จักษุวิญญาณ ฯลฯ) ซึ่งในพระสูตรมีการเปรียบด้วยไฟ ซึ่งไฟอาศัยเชื้ออะไร ก็นับว่าไฟเกิดจากเชื้อนั้นๆ เช่น ไฟที่เกิดจากฟืนเรียกว่าไฟฟืน ไฟที่เกิดจากหญ้าเรียกว่า ไฟหญ้า ฯลฯ เป็นต้น (แต่พ่อท่านยังไม่ได้อธิบายนัยย ะการเปรียบเทียบนี้)
6. พ่อท่านว่า น่าสงสารบรรดาอาจารย์ที่ท่านหลง ทำการสะกดจิต จนเกิด อทุกขมสุขเวทนา แล้วท่านเหล่านั้นก็นึกว่าตนเอง ได้ความดับ จนนึกว่าตนเป็นอรหันต์ จึงบอกโลกไปว่าเราไม่เกิดอีกแล้ ว ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย จริงๆ แล้วไปทำการดับความรู้สึก ซึ่งเขาจะทำได้เก่งเท่ากับ “อาฬารดาบส” หรือเปล่าก็ไม่รู้
7. พระอรหันต์แท้ๆ ตายไป ถ้าท่านยังตั้งจิตต่อ (ปณิหิตตัง) ท่านก็ย่อมมีสันตติให้มีการเกิด อยู่ เพราะยังยอมให้เหตุปัจจัยดำเนิน ไปได้อยู่ เคลื่อนไปได้อยู่ แต่ถ้าท่านไม่ตั้งจิตต่อ (อัปปณิหิตตัง) ท่านก็ไม่ให้มีการดำเนินเหตุปัจ จัย ท่านก็ไม่มาเกิดต่อ ... ฯลฯ ผู้ไม่รู้จักวิญญาณมีปัจจัยพาให ้เกิด ก็ย่อมไม่สามารถดับเหตุปัจจัยได ้
8. พ่อท่านอ่านต่อข้อ ๒๕๘ องค์ ๖ ของสัมมาทิฐิรอบใน ที่มีปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ สัมมาทิฐิ มัคคังคะ ความพยายามให้เกิดสัมมาทิฐิขั้น นี้ นับว่าความพยายามของเธอนั้น เป็นสัมมาวายามะ กว่าจะรวมธาตุแห่งความพยายามได้ พระพุทธเจ้าทรงสอนให้รู้ลำดับมา ทั้งหมด ๗ ธาตุ แต่ถ้าคุณพยายามมาจนเป็นปกติไม่ ต้องกระจาย จนหดแน่นเข้ามาเป็นกลุ่มก้อนแห่ งความพยายามได้เอง ถึงตอนนั้น ตอนที่คุณเป็นอรหันต์แล้ว จึงค่อยเรียนภาคต่อไปอีกที
9. เรื่องอาหารที่ผัสสะอยู่กับชีวิ ตนี่แหละ ต้องอ่านอาการจิตในขณะเสพ ฝึกอบรมจิตอย่าไปติดใจ รู้การปฏิเสธ และ..อะไรนิดอะไรหน่อยก็พออนุโล มไปกับคนอื่นเขา อย่าได้เที่ยวไปผลักตะพึดจนกลาย เป็นคนเลี้ยงยาก ต้องฝึกรับได้ วางได้ ให้ชำนาญ .. จิตที่มีเมตตาทำงานประสานหมู่ เป็นอาการที่ดีมีกรุณา ปรารถนาดีให้เข้าพ้นความหลงสุข (ไม่ใช่อยากให้เขามีสุขแบบโลกๆ ไปเท่านั้น เช่น เขาอยากได้สุข อยากได้ยศ คุณเองเป็นผู้มีอำนาจใหญ่ก็ว่า ไม่เป็นไรไอ้น้อง เอาตำแหน่งรัฐมนตรีไป พี่จัดให้ แต่ในขั้นนี้แล้วเราหมายถึง อยากให้เขามีสุขที่สงบจากกิเลส )
10. พ่อท่านอ่านมาถึง ทิฐิข้อที่ ๙ อยากให้รู้จัก สัตตา โอปปาติกะ กันอย่างสัมมาทิฐิ (แล้วแวะอธิบายให้เข้าใจวิญญาณ จนเข้าใจทฤษฎีการดับวิญญาณ นี่แล ทิฐิมันจะมีพลังขึ้นมาเป็นปัญญา ) เป็นสัตว์ทางจิตที่พัฒนาจิตให้พ ้นขึ้นมาจาก สัตว์อบาย สัตว์เดรัจฉาน สัตว์นรก สัตว์เปรต สัตว์วินิปาตะ
11. วัยหนุ่มที่มีพลังนี่แหละ คือวัยที่เหมาะแก่การเป็นพลังขอ งศาสนา ควรเข้าวัดปฏิบัติธรรม อย่ามัวเสียเวลาไปกับการล่าลาภ ทำงานแสวงหาโลกีย์มาเสพอยู่เลย ฟังธรรมแล้วเข้าใจแล้วควรรีบมา แต่ฟังไม่เข้าใจก็อย่า แก่แล้วจะไม่มีพลังปฏิบัติ ตอนนี้ก็เรียนรู้ให้สัมมา อย่าไปหลงผิดแบบพระสาติที่ไปเห็ นว่า วิญญาณนั้นออกนอกกายนี้ล่องลอยไ ป ท่องเที่ยวไป
12. สกิทาคามีจะรู้ดีว่า การมาเกิดได้ร่างกายนี้ จะสำเร็จอรหันต์ได้ไวเพราะมีผัส สะให้ละได้ ประพฤติพรหมจรรย์ได้บริสุทธิ์บร ิบูรณ์ดีกว่า ไม่ต้องไปเสียเวลาเป็นอนาคามีใน ระหว่างภพ .. พ่อท่านอ่านและอธิบายในสิ่งที่เ ขียนเพิ่มเติม (ไม่เหมือนในชี้ทที่แจก เช่น เปรียบเทียบให้รู้จักสภาวจิตของ โสดาบัน ที่รู้จักทำจิตขั้นต้นของตนให้ด ับวิญญาณสัตว์อบาย สกิทาฯก็ทำจิตขั้นกลางให้พ้นจาก สัตว์ขั้นกามภูมิ ซึ่งภูมินี้จะใช้เวลายาวนานมากห น่อย เพราะเคยผูกสัตว์นี้ให้พันติดอย ู่กับกามนี้มามาก) พ่อท่านเปลี่ยนชื่อหนังสือ เป็น “ฉีกหน้าสัตว์ในร่างมนุษย์”
บันทึกย่อพ่อครูเทศน์ในงานปลุกเ
อัง. ๓ เม.ย. ๒๕๕๕ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะโรง เริ่มเวลา 04:02 น.
บันทึกย่อโดย ใจแปลง สู่แดนธรรม
ที่มา : http://www.facebook.com/groups/188545584512043/permalink/378240412209225/
เชิญคลิกฟังคลิป "ผ่าตัดความเป็นโอปปาติกสัตว์ ตอนที่ ๒"
1. วานนี้พ่อท่านอ่านถึงข้อ ๒๕๗ สัมมาทิฏฐิที่ยังเป็นสาสวะ จะเขียนเก็บไปเรื่อยๆ คงจะตั้งชื่อหนังสือเล่มใหม่ ขอมติจากผู้ฟังจนได้ชื่อใหม่ว่า
2. พ่อท่านว่าสอนธรรมะมา ๔๐ ปีแล้ว ก็จะเน้นสอนธรรมขั้นปรมัตถ์ จิต เจตสิก รูป นิพพาน ฟังด้วยดีปัญญาเกิด (สุตสูสัง ลภเต ปัญญัง) ในวิญญาณขันธ์ประกอบไปด้วย รูป (อุปาทายรูป เป็นรูปภายใน รูปจิต อรูปจิต) เวทนา สัญญา สังขาร เกิดการสัมผัสภายนอกจึงจะเกิดเว
3. พระอรหันต์หมดความลึกลับในเรื่อ
5. แต่วิญญาณที่พระพุทธเจ้าทรงสอนใ
6. พ่อท่านว่า น่าสงสารบรรดาอาจารย์ที่ท่านหลง
7. พระอรหันต์แท้ๆ ตายไป ถ้าท่านยังตั้งจิตต่อ (ปณิหิตตัง) ท่านก็ย่อมมีสันตติให้มีการเกิด
8. พ่อท่านอ่านต่อข้อ ๒๕๘ องค์ ๖ ของสัมมาทิฐิรอบใน ที่มีปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ สัมมาทิฐิ มัคคังคะ ความพยายามให้เกิดสัมมาทิฐิขั้น
9. เรื่องอาหารที่ผัสสะอยู่กับชีวิ
10. พ่อท่านอ่านมาถึง ทิฐิข้อที่ ๙ อยากให้รู้จัก สัตตา โอปปาติกะ กันอย่างสัมมาทิฐิ (แล้วแวะอธิบายให้เข้าใจวิญญาณ จนเข้าใจทฤษฎีการดับวิญญาณ นี่แล ทิฐิมันจะมีพลังขึ้นมาเป็นปัญญา
11. วัยหนุ่มที่มีพลังนี่แหละ คือวัยที่เหมาะแก่การเป็นพลังขอ
12. สกิทาคามีจะรู้ดีว่า การมาเกิดได้ร่างกายนี้ จะสำเร็จอรหันต์ได้ไวเพราะมีผัส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น